สำนักนายกรัฐมนตรี
Office of the Prime Minister

ผลการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีภารกิจเกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของนายกรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรี การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การปฏิบัติภารกิจพิเศษ และราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กำหนด ให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นราชการของส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติราชการ คือ “เป็นองค์กรสมรรถนะสูงในการบูรณาการกลไกขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินด้วยนวัตกรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ”
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลงานที่สำคัญของหน่วยงาน ผลงานที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือผลงานของหน่วยงานที่สามารถสื่อให้เห็นถึงภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน
ที่สอดคล้องกับหัวข้อ “ข้าราชการยุคใหม่ พัฒนาประเทศ ใส่ใจประชาชน” โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
การให้บริการประชาชน 
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดย ศูนย์บริการประชาชน ในฐานะเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๑๑๑๑ มีหน้าที่ดำเนินการ เรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน ขอความเป็นธรรม และการขอความช่วยเหลือที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และการดำเนินคดีแก่ประชาชนที่มาขอความช่วยเหลือและขอคำแนะนำ ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกแก่มวลชนที่มาพบหรือชุมนุมร้องเรียน และตรวจสอบเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญที่เป็นกรณีเร่งด่วน มีช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์ ๑๑๑๑ (๖ ช่องทาง) โดยทุกช่องทางศูนย์บริการประชาชนได้กำหนดระยะเวลามาตรฐานในการให้บริการอย่างชัดเจน ได้แก่
     (๑) สายด่วนของรัฐบาล โทร.๑๑๑๑ ระยะเวลา ๒ ชั่วโมง
     (๒) ตู้ ปณ.๑๑๑๑ ทำเนียบรัฐบาล ระยะเวลา ๘.๕ วันทำการ
     (๓) เว็บไซต์ www.๑๑๑๑.go.th ระยะเวลา ๒ วันทำการ
     (๔) Mobile Application
(PSC ๑๑๑๑) ระยะเวลา ๑ วันทำการ
     (๕) จุดบริการประชาชน ๑๑๑๑ อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ระยะเวลา ๑.๕ วันทำการ
     (๖) Chatbot บนแอปพลิเคชันไลน์ หรือไลน์สร้างสุข (@PSC๑๑๑๑) ระยะเวลา ๑ วันทำการ

       ทั้งนี้ เรื่องร้องทุกข์ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ในระบบ “การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์” ซึ่งได้มีการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานไปยังส่วนราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งในระดับกระทรวง กรม จังหวัด รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอิสระ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์ หรือเรียกว่า “Contact Point” ศูนย์บริการประชาชนได้พัฒนาและปรับปรุงสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มของระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ประกอบด้วย
       ๑. ระบบติดตามผลเรื่องร้องทุกข์ (Tracking System) เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ได้ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา
       ๒. ระบบการรายงานผลสำหรับผู้บริหาร (Dashboard) ที่สามารถแสดงผลข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ สำหรับใช้ในการกำกับติดตามและกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
       ๓. ระบบสำรวจความพึงพอใจ (Satisfaction Survey) เพื่อประเมินความพึงพอใจหลังจากการให้บริการ โดยประชาชนสามารถประเมินผลความพึงพอใจให้กับหน่วยงานได้ในทันที
       ๔. การสำรวจความต้องการจากสื่อสังคมออนไลน์ (Social Monitoring Tool) ซึ่งเป็นเครื่องมือติดตามความต้องการหรือความคิดเห็นของประชาชนจากสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายหรือวางแผนรองรับการแก้ไขปัญหา
       ๕. พัฒนาระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เตรียมความพร้อมในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ (Web Service) นอกจากนี้ ศูนย์บริการประชาชนได้ขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ทั่วประเทศ 
ให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน (Big data) ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการประสานช่วยเหลือหรือแก้ไขได้รวดเร็ว ส่วนราชการสามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนได้อย่างเท่าเทียม และทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มีหน่วยงานประสงค์เชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ จำนวนทั้งสิ้น 
๗ หน่วยงาน ได้แก่ กรมการกงสุล (กระทรวงการต่างประเทศ) กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณสุข
       โดยมีผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ดังนี้ 
       ๑. ภารกิจการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์
             ๑.๑ ผลการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์
             สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลมีหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์ที่ประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พบว่า มีประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์/เสนอข้อคิดเห็นผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๒๔,๒๙๕ ครั้ง หรือคิดเป็นจำนวน ๕๗,๓๙๙ เรื่อง 
             ๑.๒ การประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
             ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ศูนย์บริการประชาชนได้ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกกับกลุ่มมวลชนและองค์กรประชาชนที่เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๑,๔๘๖ เรื่องโดยประชาชน/กลุ่มมวลชนและองค์กรประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนในหลากหลายประเด็นปัญหา 


             ๑.๓ การประชุมคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการ/คณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์
       ๒. การพัฒนาระบบการให้บริการสู่ความเป็นดิจิทัล ๔.๐
             ศูนย์บริการประชาชน ได้พัฒนาระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อให้สามารถเป็นระบบปฏิบัติงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
             ๒.๑ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์กับส่วนราชการ ภายใต้โครงการ “จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ”
             ๒.๒ พัฒนา “ระบบบริหารจัดการข้อมูลคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน”  
       ๓. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
             การกำกับดูแล ส่งเสริม สนับสนุนช่วยเหลือและแนะนำหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการ  ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘

             ๓.๑ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลโครงการของรัฐและข้อมูลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีจำนวน ๑,๘๐๕ โครงการ (๓๓๐ หน่วยงาน) พบว่า เป็นโครงการของรัฐที่เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จำนวน ๑,๑๔๙ โครงการ (๒๔๒ หน่วยงาน) คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๖๖ และได้มีการประกาศให้ประชาชนทราบถึง การจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนเริ่มดำเนินการรับฟังความคิดเห็น จำนวน ๘๔๘ โครงการ
             ๓.๒ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรม เดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และถ่ายทอดสดการประชุมที่ Facebook Page : ศูนย์บริการประชาชน ประกอบด้วยกิจกรรมการบรรยายเรื่องการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ การบริหารจัดการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานภาครัฐ คดีปกครองเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการโครงการของรัฐ และการใช้งานระบบสารสนเทศการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้แทนหน่วยงานจากกรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหรือพื้นที่ใกล้เคียง
       ๔. การอำนวยการศูนย์ราชการสะดวก (Government Easy Contact Center : GECC)
             สืบเนื่องจากในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ได้มีนโยบายให้ทุกกระทรวง กรม จังหวัด และรัฐวิสาหกิจ ดำเนินการจัดให้มีศูนย์ราชการสะดวก หรือ Government Easy Contact Center ชื่อย่อว่า “GECC” เพื่อทำหน้าที่ให้คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาขอรับบริการอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนต่อการให้บริการจากหน่วยงานของรัฐ โดยมีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมกัน ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา มีหน่วยงานของรัฐที่สมัครขอรับการรับรองมาตรฐาน GECC จำนวน ๖,๗๘๗ ศูนย์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเสริมผลักดันให้หน่วยงานของรัฐพัฒนาการให้บริการจนได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว จำนวน ๓,๐๑๗ ศูนย์

       ๕. การเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการทำงาน
             การสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงาน และการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินโครงการเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการทำงาน สร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนี้
             ๕.๑ ขับเคลื่อนให้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์
             ๕.๒ การดำเนินโครงการประชุมสัมมนาผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ประจำหน่วยงาน (Chief Complaint Executive Officer : CCEO)
             ๕.๓ การดำเนินโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์เครือข่ายผู้ปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์ (Contact Point)
             ๕.๔ การดำเนินโครงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้รับบริการ (ศูนย์บริการประชาชนพบประชาชน)
             ๕.๕ การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายด้านการประสานมวลชนและการข่าว
งานด้านข้อมูลข่าวสารภาครัฐ
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
มีภารกิจ ดังนี้
       ๑. ภารกิจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นองค์กรบริหารพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายตรากฎหมายให้คำปรึกษาแนะนำรวมทั้งกำหนดแนวทางให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิได้รู้ของประชาชน คุ้มครองข้อมูลข่าวสารสำคัญของทางราชการและของเอกชนที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐและการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล 
       ๒. ภารกิจของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมอบหมาย
       ๓. ภารกิจของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ (กวฉ.) จำนวน ๕ สาขา ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้รับเรื่องอุทธรณ์จากคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียน จำนวน ๓๕๙ เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ผู้อุทธรณ์และผู้แทนหน่วยงานของรัฐ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แล้วพิเคราะห์เพื่อจัดทำคำวินิจฉัย โดยคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน ๒๗๓ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๐๔
             ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ ได้แก่
             (๑) การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่น ปี ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖

             (๒) โครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ

             (๓) โครงการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ 
พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ประจำปี ๒๕๖๖ มีผู้เข้าทดสอบ จำนวน ๑,๗๓๗ คน ผ่านเกณฑ์คะแนน จำนวน ๖๓๔ คน (คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๕๐) และดำเนินการจัดทดสอบให้กับหน่วยงานของรัฐที่ขอรับการสนับสนุน ๑๐ หน่วยงาน มีผู้เข้าทดสอบ จำนวน ๔๗๑ คน ผ่านเกณฑ์คะแนน จำนวน ๑๒๓ คน (คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๑๑)
             (๔) โครงการเสริมสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่น   รวมทั้งหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ  
             (๕) โครงการฝึกอบรม “การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
             (๖) การขับเคลื่อน สปน. ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒  
             (๗) โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายข้อมูลข่าวสารภาคประชาชน โดยบูรณาการความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายภาคประชาชน พัฒนาเครือข่ายผู้นำชุมชนในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการในการติดตาม ตรวจสอบการบริหารจัดการภาครัฐให้มีความโปร่งใส อันเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่สมาชิกในชุมชนของตนเองและประชาชนทั่วไปด้วย

             (๘) โครงการคลินิกข้อมูลข่าวสารเคลื่อนที่ เป็นโครงการปฏิบัติการเชิงรุกโดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดตั้งคลินิกข้อมูลข่าวสารเคลื่อนที่ให้คำปรึกษา แนะนำ แก้ไขปัญหา เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ ในรูปแบบออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมโครงการจำนวน ๑,๗๔๐ คน จากจำนวนทั้งสิ้น ๑๓๗ หน่วยงาน ซึ่งจัดทั้งหมด จำนวน ๑๐ ครั้ง

             (๙) การเผยแพร่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการผ่านช่องทางต่าง ๆ
             (๑๐) ภารกิจการพัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลข่าวสาร โดยได้ดำเนินการปรับปรุงเว็บไซต์ และการให้บริการระบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ (Infocenter) มีหน่วยงานรัฐขอใช้บริการทั่วไปจำนวน ๑๓๒ หน่วยงาน จัดทำตามโครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ จำนวน ๑,๒๐๐ หน่วยงาน ดังนั้นหน่วยงานที่ใช้ Template ของ สขร. ทั้งหมด ๙,๖๗๓ หน่วยงาน พร้อมทั้งดำเนินการปรับปรุงข้อมูลหน่วยงานในศูนย์ข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ จำนวน ๑,๘๘๑ หน่วยงาน และมีผู้เข้าใช้บริการศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ สปน. จำนวน ๓๐,๘๖๕ ราย

ผลการดำเนินงานที่สำคัญของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีภารกิจเกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของนายกรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรี การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การปฏิบัติภารกิจพิเศษ และราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กำหนด ให้เป็นหน้าที่ของกรมใดกรมหนึ่งในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ รวมทั้งกำกับและเร่งรัดการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี ยกเว้นราชการของส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติราชการ คือ “เป็นองค์กรสมรรถนะสูงในการบูรณาการกลไกขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินด้วยนวัตกรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศชาติ”
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลงานที่สำคัญของหน่วยงาน ผลงานที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต หรือผลงานของหน่วยงานที่สามารถสื่อให้เห็นถึงภารกิจ และบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน
ที่สอดคล้องกับหัวข้อ “ข้าราชการยุคใหม่ พัฒนาประเทศ ใส่ใจประชาชน” โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
การให้บริการประชาชน 
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดย ศูนย์บริการประชาชน ในฐานะเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๑๑๑๑ มีหน้าที่ดำเนินการ เรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน ขอความเป็นธรรม และการขอความช่วยเหลือที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และการดำเนินคดีแก่ประชาชนที่มาขอความช่วยเหลือและขอคำแนะนำ ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกแก่มวลชนที่มาพบหรือชุมนุมร้องเรียน และตรวจสอบเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญที่เป็นกรณีเร่งด่วน มีช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์ ๑๑๑๑ (๖ ช่องทาง) โดยทุกช่องทางศูนย์บริการประชาชนได้กำหนดระยะเวลามาตรฐานในการให้บริการอย่างชัดเจน ได้แก่
     (๑) สายด่วนของรัฐบาล โทร.๑๑๑๑ ระยะเวลา ๒ ชั่วโมง
     (๒) ตู้ ปณ.๑๑๑๑ ทำเนียบรัฐบาล ระยะเวลา ๘.๕ วันทำการ
     (๓) เว็บไซต์ www.๑๑๑๑.go.th ระยะเวลา ๒ วันทำการ
     (๔) Mobile Application
(PSC ๑๑๑๑) ระยะเวลา ๑ วันทำการ
     (๕) จุดบริการประชาชน ๑๑๑๑ อาคารสำนักงาน ก.พ. (เดิม) ระยะเวลา ๑.๕ วันทำการ
     (๖) Chatbot บนแอปพลิเคชันไลน์ หรือไลน์สร้างสุข (@PSC๑๑๑๑) ระยะเวลา ๑ วันทำการ

       ทั้งนี้ เรื่องร้องทุกข์ทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ในระบบ “การจัดการเรื่องราวร้องทุกข์” ซึ่งได้มีการเชื่อมโยงการปฏิบัติงานไปยังส่วนราชการผู้มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งในระดับกระทรวง กรม จังหวัด รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอิสระ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์ หรือเรียกว่า “Contact Point” ศูนย์บริการประชาชนได้พัฒนาและปรับปรุงสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มของระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ประกอบด้วย
       ๑. ระบบติดตามผลเรื่องร้องทุกข์ (Tracking System) เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามผลความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ได้ด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา
       ๒. ระบบการรายงานผลสำหรับผู้บริหาร (Dashboard) ที่สามารถแสดงผลข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ สำหรับใช้ในการกำกับติดตามและกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
       ๓. ระบบสำรวจความพึงพอใจ (Satisfaction Survey) เพื่อประเมินความพึงพอใจหลังจากการให้บริการ โดยประชาชนสามารถประเมินผลความพึงพอใจให้กับหน่วยงานได้ในทันที
       ๔. การสำรวจความต้องการจากสื่อสังคมออนไลน์ (Social Monitoring Tool) ซึ่งเป็นเครื่องมือติดตามความต้องการหรือความคิดเห็นของประชาชนจากสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายหรือวางแผนรองรับการแก้ไขปัญหา
       ๕. พัฒนาระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เตรียมความพร้อมในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ (Web Service) นอกจากนี้ ศูนย์บริการประชาชนได้ขับเคลื่อนการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ทั่วประเทศ 
ให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน (Big data) ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการประสานช่วยเหลือหรือแก้ไขได้รวดเร็ว ส่วนราชการสามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนได้อย่างเท่าเทียม และทั่วถึง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มีหน่วยงานประสงค์เชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์ จำนวนทั้งสิ้น 
๗ หน่วยงาน ได้แก่ กรมการกงสุล (กระทรวงการต่างประเทศ) กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณสุข
       โดยมีผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ดังนี้ 
       ๑. ภารกิจการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์
     ๑.๑ ผลการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์
     สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลมีหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์ที่ประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พบว่า มีประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์/เสนอข้อคิดเห็นผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๒๔,๒๙๕ ครั้ง หรือคิดเป็นจำนวน ๕๗,๓๙๙ เรื่อง 
     ๑.๒ การประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
     ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ศูนย์บริการประชาชนได้ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกกับกลุ่มมวลชนและองค์กรประชาชนที่เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสิ้น ๑,๔๘๖ เรื่องโดยประชาชน/กลุ่มมวลชนและองค์กรประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนในหลากหลายประเด็นปัญหา 


     ๑.๓ การประชุมคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการ/คณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์
       ๒. การพัฒนาระบบการให้บริการสู่ความเป็นดิจิทัล ๔.๐
     ศูนย์บริการประชาชน ได้พัฒนาระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อให้สามารถเป็นระบบปฏิบัติงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
     ๒.๑ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์กับส่วนราชการ ภายใต้โครงการ “จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบเบ็ดเสร็จ”
     ๒.๒ พัฒนา “ระบบบริหารจัดการข้อมูลคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน”  
       ๓. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
     การกำกับดูแล ส่งเสริม สนับสนุนช่วยเหลือและแนะนำหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการ  ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘

     ๓.๑ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลโครงการของรัฐและข้อมูลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีจำนวน ๑,๘๐๕ โครงการ (๓๓๐ หน่วยงาน) พบว่า เป็นโครงการของรัฐที่เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จำนวน ๑,๑๔๙ โครงการ (๒๔๒ หน่วยงาน) คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๖๖ และได้มีการประกาศให้ประชาชนทราบถึง การจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนเริ่มดำเนินการรับฟังความคิดเห็น จำนวน ๘๔๘ โครงการ
     ๓.๒ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรม เดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และถ่ายทอดสดการประชุมที่ Facebook Page : ศูนย์บริการประชาชน ประกอบด้วยกิจกรรมการบรรยายเรื่องการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ การบริหารจัดการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินงานภาครัฐ คดีปกครองเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการโครงการของรัฐ และการใช้งานระบบสารสนเทศการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้แทนหน่วยงานจากกรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหรือพื้นที่ใกล้เคียง
       ๔. การอำนวยการศูนย์ราชการสะดวก (Government Easy Contact Center : GECC)
     สืบเนื่องจากในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ได้มีนโยบายให้ทุกกระทรวง กรม จังหวัด และรัฐวิสาหกิจ ดำเนินการจัดให้มีศูนย์ราชการสะดวก หรือ Government Easy Contact Center ชื่อย่อว่า “GECC” เพื่อทำหน้าที่ให้คำแนะนำ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาขอรับบริการอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนต่อการให้บริการจากหน่วยงานของรัฐ โดยมีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมกัน ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา มีหน่วยงานของรัฐที่สมัครขอรับการรับรองมาตรฐาน GECC จำนวน ๖,๗๘๗ ศูนย์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเสริมผลักดันให้หน่วยงานของรัฐพัฒนาการให้บริการจนได้รับการรับรองมาตรฐานแล้ว จำนวน ๓,๐๑๗ ศูนย์

       ๕. การเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการทำงาน
     การสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงาน และการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ศูนย์บริการประชาชนได้ดำเนินโครงการเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการทำงาน สร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนี้
     ๕.๑ ขับเคลื่อนให้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการเรื่องราวร้องทุกข์
     ๕.๒ การดำเนินโครงการประชุมสัมมนาผู้นำการขับเคลื่อนการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ประจำหน่วยงาน (Chief Complaint Executive Officer : CCEO)
     ๕.๓ การดำเนินโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์เครือข่ายผู้ปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์ (Contact Point)
     ๕.๔ การดำเนินโครงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้รับบริการ (ศูนย์บริการประชาชนพบประชาชน)
     ๕.๕ การดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายด้านการประสานมวลชนและการข่าว
งานด้านข้อมูลข่าวสารภาครัฐ
       สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
มีภารกิจ ดังนี้
       ๑. ภารกิจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นองค์กรบริหารพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายตรากฎหมายให้คำปรึกษาแนะนำรวมทั้งกำหนดแนวทางให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิได้รู้ของประชาชน คุ้มครองข้อมูลข่าวสารสำคัญของทางราชการและของเอกชนที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐและการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล 
       ๒. ภารกิจของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมอบหมาย
       ๓. ภารกิจของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ (กวฉ.) จำนวน ๕ สาขา ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้รับเรื่องอุทธรณ์จากคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียน จำนวน ๓๕๙ เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ผู้อุทธรณ์และผู้แทนหน่วยงานของรัฐ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แล้วพิเคราะห์เพื่อจัดทำคำวินิจฉัย โดยคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน ๒๗๓ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๐๔
     ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ ได้แก่
     (๑) การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่น ปี ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖

     (๒) โครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ

     (๓) โครงการทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ 
พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ประจำปี ๒๕๖๖ มีผู้เข้าทดสอบ จำนวน ๑,๗๓๗ คน ผ่านเกณฑ์คะแนน จำนวน ๖๓๔ คน (คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๕๐) และดำเนินการจัดทดสอบให้กับหน่วยงานของรัฐที่ขอรับการสนับสนุน ๑๐ หน่วยงาน มีผู้เข้าทดสอบ จำนวน ๔๗๑ คน ผ่านเกณฑ์คะแนน จำนวน ๑๒๓ คน (คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๑๑)
     (๔) โครงการเสริมสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนในหน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่น   รวมทั้งหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ  
     (๕) โครงการฝึกอบรม “การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
     (๖) การขับเคลื่อน สปน. ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒  
     (๗) โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายข้อมูลข่าวสารภาคประชาชน โดยบูรณาการความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายภาคประชาชน พัฒนาเครือข่ายผู้นำชุมชนในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการในการติดตาม ตรวจสอบการบริหารจัดการภาครัฐให้มีความโปร่งใส อันเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่สมาชิกในชุมชนของตนเองและประชาชนทั่วไปด้วย

     (๘) โครงการคลินิกข้อมูลข่าวสารเคลื่อนที่ เป็นโครงการปฏิบัติการเชิงรุกโดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อจัดตั้งคลินิกข้อมูลข่าวสารเคลื่อนที่ให้คำปรึกษา แนะนำ แก้ไขปัญหา เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ ในรูปแบบออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมโครงการจำนวน ๑,๗๔๐ คน จากจำนวนทั้งสิ้น ๑๓๗ หน่วยงาน ซึ่งจัดทั้งหมด จำนวน ๑๐ ครั้ง

     (๙) การเผยแพร่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการผ่านช่องทางต่าง ๆ
     (๑๐) ภารกิจการพัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลข่าวสาร โดยได้ดำเนินการปรับปรุงเว็บไซต์ และการให้บริการระบบศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ (Infocenter) มีหน่วยงานรัฐขอใช้บริการทั่วไปจำนวน ๑๓๒ หน่วยงาน จัดทำตามโครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ จำนวน ๑,๒๐๐ หน่วยงาน ดังนั้นหน่วยงานที่ใช้ Template ของ สขร. ทั้งหมด ๙,๖๗๓ หน่วยงาน พร้อมทั้งดำเนินการปรับปรุงข้อมูลหน่วยงานในศูนย์ข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ จำนวน ๑,๘๘๑ หน่วยงาน และมีผู้เข้าใช้บริการศูนย์ข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ สปน. จำนวน ๓๐,๘๖๕ ราย

สำนักนายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก ดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
โทรศัพท์: ๐-๒๒๘๓-๔๐๐๐
โทรสาร: ๐-๒๒๘๓-๔๒๔๙
อีเมล: saraban@opm.go.th
นิทรรศการของหน่วยงานอื่นๆ