ผลงานที่สำคัญของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ สลน. ในฐานะศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน ได้ปรับบทบาทภารกิจเพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถบริหารราชการในบริบทแห่งวิถีใหม่ หรือ การทำงานในยุค New Normal พร้อมรับ Next Normal ที่จะมาถึง โดยมีวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น “องค์กรที่มีสมรรถนะสูง” ที่พร้อมสนับสนุนและอำนวยการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและข้าราชการการเมือง ในการที่จะพาประเทศก้าวผ่านวิกฤติของชาติ ไปสู่การวางรากฐานเพื่ออนาคตอันมั่นคงภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีโดยมีผลงานที่สำคัญ ดังนี้

๑. สนองนโยบายนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดและความเดือดร้อนของประชาชน

ในฐานะเป็นฝ่ายเลขานุการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้จัดการประชุมคณะกรรมการ ศบค. ๑๕ ครั้ง เพื่อเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนให้มีความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการวิกฤติโควิด และในฐานะ  สำนักงานเลขาธิการ ศบค. ซึ่งเป็นกลไกในการประสานข้อสั่งการไปยังศูนย์ปฏิบัติการและหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนจัดทำรายงานสถานการณ์ประจำวันกราบเรียนนายกรัฐมนตรีทราบทุกวัน นับแต่วันแรกของสถานการณ์จนถึงทุกวันนี้

๒. ขับเคลื่อนเชื่อมโยงนโยบายสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยจัดการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ฉีดวัคซีน รวมถึงการติดตามเร่งรัดการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ ในประเทศ จัดการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนายกรัฐมนตรีสามารถบริหารติดตามสถานการณ์ แบบ Anywhere, Anytime เช่น การประชุมติดตามการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด การเตรียมความพร้อมของหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ และโรงพยาบาลเอกชน การดูแลผู้ติดเชื้อในระบบ Home Isolation และ Community Isolation รวมถึงการติดตามบริหารราชการแผ่นดินในทุกมิติ  ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่ตรวจราชการ เพื่อติดตามเร่งรัดการทำงาน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและรับฟังสภาพปัญหาที่แท้จริงจากประชาชน การฟื้นฟูบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างสมดุล เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศเตรียมการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว  สลน.  ได้จัดกำหนดการตรวจความพร้อมของโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ / สมุย พลัส โมเดล รวมถึงการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้มีโอกาสลงไปพบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จัดการติดตามความพร้อมโครงการ  Factory Sandbox เพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจอุตสาหกรรม

๓.  สนับสนุนกลไกการตรวจราชการ
การจัดประชุม การเสนอรายงานวิเคราะห์ และรวบรวมติดตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการประสานภารกิจนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและวางรากฐานการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ  โดยในปี ๒๕๖๔  ได้จัดการตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมรองรับการขนส่งและการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ  อาทิ การเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา การเปิดรถไฟชานเมืองสายสีแดง การตรวจรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู การติดตามรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และเปิดใช้เรือไฟฟ้าคลองผดุงกรุงเกษม  นอกจากนี้ ยังจัดการติดตามการวางแผนบริหารจัดการน้ำและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ลงพื้นที่สมุทรสงครามเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงจัดกำหนดการดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกกลุ่มและทุกช่วงวัย โดยได้จัดการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีกว่า ๓๐ ครั้ง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค

๔. ภารกิจด้านการต่างประเทศ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดทำให้ทั่วโลกต้องหยุดเดินทาง  เพื่อรักษาพลวัตรของประเทศไทยในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  สลน. ได้ใช้เทคโนโลยีเชื่อมกับประชาคมโลก นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศและการหารือทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญผ่านระบบการประชุมทางไกล  และการหารือทวิภาคีทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความใกล้ชิดแน่นแฟ้นระหว่างผู้นำ รักษาบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีโลก นอกจากนี้ยังจัดการต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ ตั้งแต่ระดับผู้นำ รัฐมนตรี เอกอัครราชทูต ผู้นำองค์การระหว่างประเทศ นักลงทุนภาคเอกชนจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ที่ประสงค์จะขยายความร่วมมือในด้านการค้า-การลงทุน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการยอมรับของนานาประเทศต่อรัฐบาลและประเทศไทย ที่สำคัญ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไทย-ซาอุดิอาระเบีย โดยดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้สำเร็จในรอบกว่า๓๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๕-๒๖ มกราคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา

๕. การติดตามขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
สลน. เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี หรือ กตน. ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำรายงานผลงานรัฐบาลประจำปีด้วย ดำเนินโครงการพัฒนาระบบติดตามการดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศติดตามสถานะร่าง พ.ร.บ. กระทู้ถาม และข้อปรึกษาของ สส./สว. เพื่อเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลติดตามด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี หรือ PMDU เป็นหน่วยงานพิเศษ เพื่อขับเคลื่อนติดตามภารกิจเชิงยุทธศาสตร์และบูรณาการตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

๖. การทำงานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเป็นเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ของ สลน.
ที่จะมุ่งเชื่อมโยงปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของประชาชน สู่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีอย่างมีประสิทธิภาพ สลน.จึงพยายามสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคีเครือข่าย ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเยาวชนและคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมเป็นขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน 

๗. การประสานงานด้านนิติบัญญัติและกิจการรัฐสภา
สลน. ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล โดยในปีที่ผ่านมา ได้ขับเคลื่อนร่างกฎหมายของคณะรัฐมนตรีเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ  ผลักดันให้มีการประกาศใช้กฎหมายที่สำคัญ ได้แก่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย และการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิดฐานทำให้แท้งลูก เป็นต้น นอกจากนี้ยังประสานให้มีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ผ่านกลไกการตอบกระทู้ถามสด กระทู้ถามทั่วไป และกระทู้ถามแยกเฉพาะ และการตอบข้อปรึกษาหารือของ ส.ส. และ ส.ว. 

๘. การสร้างการรับรู้ของประชาชนต่อนโยบายและข่าวสารของรัฐบาล

สร้างความเข้าใจ ต่อสถานการณ์  เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในวงกว้าง สำนักโฆษกร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี  (PMOC) ได้เพิ่มช่องทางในการเผยแพร่ภารกิจของนายกรัฐมนตรี ผลการดำเนินงานและข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชนเชิงรุก ด้วยการใช้สื่อในรูปแบบที่กระชับ ฉับไว เข้าใจง่าย ตอบสนองต่อวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ อาทิ การถ่ายทอดสด (Live) การสื่อสารผ่าน Facebook Page ไทยคู่ฟ้า Podcast/ Line Official Account และการนำเสนอด้วย Infographic ที่น่าสนใจ

ผลงานที่สำคัญของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขับเคลื่อนงานตามบทบาทภารกิจ โดยมุ่งมั่นปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพด้านการจัดประชุมคณะรัฐมนตรี เพิ่มคุณภาพข้อมูลประกอบการวินิจฉัยของคณะรัฐมนตรี ระบบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีแก่ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง การเผยแพร่กฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ภาคเอกชน และหน่วยงานของรัฐ โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนกระบวนการปฏิบัติงาน ควบคู่กับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของบุคลากรในมิติต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถจัดทำข้อเสนอ ข้อพิจารณา หรือความเห็นเพื่อประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการ โครงการ กฎหมายเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเกี่ยวกับมาตรการและโครงการสำคัญตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และนโยบายของรัฐบาล โดยมีเรื่องที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่สำคัญ อาทิ

• โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สำหรับประชาชนไทย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประเทศไทยมีวัคซีนภายในปี ๒๕๖๔ โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งจัดหาให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของจำนวนประชาชนทั้งประเทศ(ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๕ (ฉบับสมบูรณ์) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาใน ๓ มิติ ได้แก่ การพร้อมรับ (Cope) การปรับตัว (Adapt) และการเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน (Transform)
  
  
• โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก เป็นการดำเนินกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบตามความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่ม เช่น การสร้างงานสร้างอาชีพ การสร้างการเข้าถึงช่องทางการตลาด และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
  
  
• โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่องโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยรัฐร่วมจ่าย (Co-Pay) ในส่วนของค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ร้อยละ ๕๐ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
  
  
• โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว: โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยได้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จากเดิมระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคม ๒๕๖๔ ให้ประชาชนใช้สิทธิได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ - มกราคม ๒๕๖๕

นอกจากนี้ได้มีการเผยแพร่กฎหมายสำคัญเพื่อสร้างความรับรู้ให้แก่ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ บนเว็บไซต์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (www.soc.go.th) เช่น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตร และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พัฒนาช่องทางการยกระดับการให้บริการ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อให้สามารถเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยได้นำระบบตอบกลับอัตโนมัติ (Chatbot) มาประยุกต์ใช้ในภารกิจต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อบนเว็บไซต์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (www.soc.go.th) และเพจ Facebook “ศูนย์บริการข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี” ภายใต้ Mascot Model ชื่อว่า “น้องพุดตาน” เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี ราชกิจจานุเบกษา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประวัติการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และข้อมูลทั่วไปของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

และจากการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร พัฒนาการออกกฎ ระเบียบ คำสั่ง และมติคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ มุ่งผลสัมฤทธิ์ให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูง และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตัวอย่างเช่น ระบบ M-VARA ที่เป็นระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเอกสารประกอบการประชุมรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยในการนำส่งและเผยแพร่เอกสารให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสรุปผลการประชุมบนระบบที่มีการรักษาความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบการบริหารองค์กร โดยนำเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนกระบวนการปฏิบัติงานและความพยายามในการขับเคลื่อนความเป็นหน่วยงานภายใต้นโยบายรัฐบาลดิจิทัลอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี ๒๕๖๓ หรือ Digital Government Awards ๒๐๒๐ อันดับที่ ๙ ระดับกรม จาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ณ สโมสรทหารบก กรุงเทพมหานคร จากโครงการสำรวจระดับความพร้อมรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานภาครัฐ จัดโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นรางวัลสำหรับหน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยพิจารณาให้คะแนนจากผลการตอบแบบสำรวจระดับความพร้อมรัฐบาลดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ จำนวน ๖ ตัวชี้วัด ได้แก่ แนวนโยบายและหลักปฏิบัติ ศักยภาพเจ้าหน้าที่ภาครัฐด้านดิจิทัล บริการภาครัฐ การบริหารจัดการรูปแบบดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงปลอดภัย และเทคโนโลยีดิจิทัล และการนำไปใช้

งบประมาณ ฉบับประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕

Click เพื่อ Download

ผลงานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)

๑. การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Exam) ประจำปี ๒๕๖๔

ดำเนินการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Exam) ณ ศูนย์สอบทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อขยายจำนวนที่นั่งสอบให้สามารถรองรับได้มากขึ้น และขยายพื้นที่การให้บริการที่ครอบคลุมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยผลผลิตที่ได้คือการจัดสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Exam) พร้อมกันจำนวน ๖ รอบสอบ ณ ศูนย์สอบทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน ๑๒ แห่ง ประกอบด้วย

๑	สำนักงาน ก.พ. จังหวัดนนทบุรี	จำนวน	๑๑๕	ที่นั่งสอบ
๒	มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร	จำนวน	๕๐๐	ที่นั่งสอบ
๓	มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร	จำนวน	๑,๐๓๐	ที่นั่งสอบ
๔	มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กรุงเทพมหานคร	จำนวน	๘๙๒	ที่นั่งสอบ
๕	มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จังหวัดปทุมธานี	จำนวน	๓๑๐	ที่นั่งสอบ
๖	มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย	จำนวน	๖๕๐	ที่นั่งสอบ
๗	มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก	จำนวน	๔๖๓	ที่นั่งสอบ
๘	มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี	จำนวน	๔๐๐	ที่นั่งสอบ
๙	มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์	จำนวน	๓๓๘	ที่นั่งสอบ
๑๐	มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี	จำนวน	๑,๐๐๐	ที่นั่งสอบ
๑๑	มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช	จำนวน	๕๐๐	ที่นั่งสอบ
๑๒	มหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดสงขลา	จำนวน	๖๓๕	ที่นั่งสอบ
	รวมจำนวนที่นั่งสอบที่รับสมัครทั้งสิ้น	จำนวน	๔๐,๙๙๘	ที่นั่งสอบ

ผลลัพธ์
๑. ผู้สอบรับทราบผลการสอบได้อย่างรวดเร็ว
๒. ส่วนราชการ สามารถสรรหาและเลือกสรรบุคคลเข้ารับราชการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว

๒. โครงการเตรียมกำลังคนคุณภาพเข้าสู่ระบบราชการ กิจกรรมการสรรหาและเลือกสรรบุคคลเพื่อรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนรัฐบาล

วัตถุประสงค์
๑. เพื่อจัดเตรียมกำลังคนภาครัฐตามความต้องการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
๒. เพื่อให้การสรรหาและเลือกสรรบุคคลเพื่อรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนรัฐบาลเป็นไปตามระบบ คุณธรรม ได้มาตรฐานและคุ้มค่า

ผลผลิต (OUTPUT)
ผู้มีสิทธิได้รับทุนตามประเภททุนที่จัดสรร

ผลลัพธ์ (OUTCOME)
๑. ภาครัฐได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง มีคุณลักษณะเหมาะสมที่จะรับทุน
๒. การดำเนินการสรรหาและเลือกสรรบุคคลเป็นไปตามระบบคุณธรรม ได้มาตรฐานและโปร่งใสและผล การดำเนินการสรรหาเป็นที่ยอมรับของประชาชน

รายละเอียดผลการดำเนินการ
การสรรหาและเลือกสรรบุคคลเพื่อรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนรัฐบาล (ทุนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) ประจำปี ๒๕๖๔

หมายเหตุ : *ผู้สมัครสอบแข่งขันสามารถเลือกสมัครได้ ๒ หน่วยทุน

ผลการดำเนินการการสรรหาและเลือกสรรบุคคล
เพื่อรับทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาในประเทศและทุนรัฐบาล (ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา) ประจำปี ๒๕๖๔

P@ssw0rd0c5c

หมายเหตุ : *ผู้สมัครสอบแข่งขันสามารถเลือกสมัครได้ ๒ หน่วยทุน

สำหรับทุนเล่าเรียนหลวงและทุนรัฐบาล ประจำปี ๒๕๖๕ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสรรหาและเลือกสรร โดยมีประเภททุนสำหรับบุคคลทั่วไป ได้แก่
๑. ทุนเล่าเรียนหลวง

๒. ทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาในประเทศ

๓. ทุนบุคคลทั่วไประดับปริญญา

๔. ทุนรัฐบาลในสาขาวิชาที่ขาดแคลน (Data Science) และทุนรัฐบาลที่สนับสนุนการปฏิรูปประเทศ :
ทุน นวัตกรรมดิจิทัล ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) กำหนดรับสมัครประมาณ ปลายมีนาคม - ปลายเมษายน ๒๕๖๕

๓. มาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม สำนักงาน ก.พ

มาตรฐานทางจริยธรรมเป็นหลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท ทุกตำแหน่ง และทุกระดับ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมและเป็นหลักสำคัญในการจัดทำประมวลจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงาน ก.พ. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน จึงได้จัดทำประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตนของข้าราชการพลเรือนเกี่ยวกับสภาพคุณงามความดีที่ข้าราชการพลเรือนต้องยึดถือสำหรับการปฏิบัติงาน การตัดสินความถูกผิด การปฏิบัติที่ควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ ตลอดจนการดำรงตนในการทำความดีและละเว้นความชั่ว

ผลผลิต
๑. ประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน
๒. แนวทางการปฏิบัติตนของข้าราชการพลเรือนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน

เรื่อง / เนื้อหา	ลักษณะข้อมูล / link
พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลบังคับใช้	https://www.ocsc.go.th/node/5208
คู่มือพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒	หนังสือ
มาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ	Infographic
	Motion Graphic
	วีดิทัศน์ 7 เรื่อง
ประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน	ราชกิจจานุเบกษา PDF
	Infographic
คู่มือการจัดทำประมวลจริยธรรมและข้อกำหนดจริยธรรม	หนังสือ
แนวทางการปฏิบัติตนของข้าราชการพลเรือนตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน	PDF
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรม และประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน คลิกที่นี่
ขอเชิญร่วมสนุก แสดงความคิดเห็น เรื่อง ความคาดหวังต่อการขับเคลื่อนจริยธรรมในราชการไทย คลิกที่นี่

ผลลัพธ์
ข้าราชการพลเรือนปฏิบัติตนตามมาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ส่งผลให้มีการบริหารจัดการงานภาครัฐที่ดี ประชาชนเชื่อถือไว้วางใจ รวมทั้งเป็นภูมิคุ้มกันให้ข้าราชการพลเรือนที่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งหรือถูกผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรม

๔.ระบบศูนย์การเรียนรู้ทางสื่ออิเล็กทรอนิสก์แบบบูรณาการ (OCSC Sharing Platform) 
สำนักงาน ก.พ. ได้พัฒนา “ระบบศูนย์การเรียนรู้ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ” เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการให้บริการการเรียนรู้ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) ของสำนักงาน ก.พ. ให้มีความทันสมัย รองรับสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ และสามารถเข้าใช้งานผ่านอุปกรณ์สื่อสารได้หลากหลาย ทั้งทางคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน รวมทั้ง พัฒนาให้เป็น Sharing Platform หรือแพลตฟอร์มกลาง สำหรับแลกเปลี่ยนและแบ่งปันทรัพยากรที่สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานเครือข่ายมีอยู่ ให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ต่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศ


ผลผลิต
๑. ระบบศูนย์การเรียนรู้ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ

ข้อมูลผลงานสําคัญของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

สํานักงาน ก.พ.ร. ได้รวบรวมผลงานที่สําคัญระหว่างปีงบปะมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยจัดกลุ่มผลงานเป็น ๓ เรื่อง ดังนี้

๑. การพัฒนาบริการ e-Service ของรัฐเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
เป็นการพัฒนาระบบการให้บริการของส่วนราชการ โดยยกระดับงานบริการภาครัฐให้เป็น e-Service รวม ๓๔๓ บริการ ในปี ๒๕๖๔ และการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงงานบริการในแหล่งเดียว ประกอบด้วย ระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ (Biz Portal) ซึ่งให้บริการ ๙๔ ใบอนุญาต ใน ๒๕ ประเภทธุรกิจ ระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) ให้บริการผ่าน แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” จํานวน ๔๕ บริการ และแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (Thailand National Digital Trade Platform: NDTP) ซึ่งพัฒนาต้นแบบระบบแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อใช้งานจริงต่อไป ผลสําเร็จของการดําเนินการสะท้อนได้จากผลการจัดอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของสหประชาชาติ ซึ่งในปี ๒๕๖๓ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๕๗ จาก ๑๙๓ ประเทศ ดีขึ้น ๒๐ อันดับจากปี ๒๕๕๙ โดยในด้านการให้บริการออนไลน์ (Online Service Index: OSI) มีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

๒. การปรับปรุงประสิทธิภาพภาครัฐเพื่ออํานวยความสะดวกประชาชน และภาคธุรกิจ
เป็นการปรับปรุงการบริหารจัดการของภาครัฐ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีความสะดวก คล่องตัวตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการพ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น จัดทําและปรับปรุงคู่มือประชาชน การไม่เรียกรับสําเนาเอกสาร เป็นต้น พร้อมทั้ง พัฒนารูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดให้มีการทํางานที่มีผลสัมฤทธิ์สูง มีความคล่องตัวในการบริหารระบบงาน ระบบเงิน และระบบคน และได้ปรับเปลี่ยนให้ศูนย์ดํารงธรรมระดับอําเภอ สามารถให้บริการงานบริการ e-Service ของหน่วยงานต่าง ๆ ได้ ช่วยลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อไปติดต่อราชการถึงตัวจังหวัดของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยได้ให้ความสําคัญกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการนําแนวทางการปฏิรูปเพื่อการอํานวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) มาใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการเพื่อภาคธุรกิจ โดยสามารถพัฒนาระบบการให้บริการแบบดิจิทัล (e-Service) กว่า ๓๑ ระบบ มีการปรับแก้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องไปกว่า ๑๐ ฉบับ และสามารถปรับลดระยะเวลาในการติดต่อราชการไปได้กว่า ๖๐ วัน ผ่านการปฏิรูปในหลาย ๆ ด้าน เช่น การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

ผลสําเร็จของการดําเนินการสะท้อนได้จาก (๑) ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (IMD Competitive Ranking) ด้านประสิทธิภาพภาครัฐ ในปี ๒๕๖๔ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๒๐ จาก ๖๔ ประเทศ ดีขึ้น ๓ อันดับจากปี ๒๕๖๓ (๒) ผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของ ธนาคารโลก (Ease of Doing Business) ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากอันดับที่ ๔๙อในปี ๒๕๕๙ เป็นอันดับที่ ๒๑ ในปี ๒๕๖๓ (๓) ผลการสํารวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการบริการภาครัฐ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา โดยในปี ๒๕๖๔ ประชาชนมีความพึงพอใจต่อบริการภาครัฐในภาพรวมสิ่งที่ส่งมาด้วยร้อยละ ๘๔.๘๑ และ (๔) ผลความพึงพอใจการให้บริการ e-Service ของที่ว่าการอําเภอ/ศูนย์ดํารงธรรมอําเภอปี ๒๕๖๔ สูงถึงร้อยละ ๘๖.๕๓ เนื่องจากผู้รับบริการเห็นว่าเป็นการช่วยเพิ่มความสะดวก ลดระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

๓. การสร้างขวัญกําลังใจ การปลดล็อกการทํางานให้ข้าราชการ และการสร้างธรรมาภิบาลในภาครัฐ
เป็นการยกย่อง เชิดชูหน่วยงานที่มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสําเร็จด้วยการปรับกระบวนการทํางาน และรูปแบบการให้บริการประชาชนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านกลไกการมอบรางวัลเลิศรัฐ ที่ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับปรุงกฎ ระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้เอื้อต่อการให้บริการและการทํางานนอกสถานที่ตั้งโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การจัดประชุมออนไลน์ การจัดซื้อจัดจ้างออนไลน์ การรับ-ส่งหนังสือราชการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้นําเสนอ การสร้างความซื่อตรงในการบริหารงานภาครัฐตามกรอบแนวคิดของ OECD ที่ได้ประเมินประเทศไทย ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบายและนําไปสู่การปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับการรักษาจรรยาบรรณของข้าราชการในการสร้างธรรมาภิบาลภาครัฐให้เกิดขึ้นได้

ผลสําเร็จของการดําเนินการสะท้อนได้จากหน่วยงานภาครัฐสนใจส่งผลงานสมัครรางวัลจํานวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี ๒๕๖๒ ส่งสมัครจํานวน ๑,๐๔๓ ผลงาน ปี ๒๕๖๓ จํานวน ๑,๔๘๐ ผลงาน และปี ๒๕๖๔ จํานวน ๑,๖๘๘ ผลงาน โดยมีหน่วยงานใหม่ที่ยังไม่เคยส่งสมัครทั้งหน่วยงานกลาง จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ จังหวัดนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยพะเยา และ อบต. ทับน้ํา เป็นต้น สําหรับองค์การมหาชนได้ให้ความสนใจ สมัครรางวัลอย่างต่อเนื่องทุกปีเช่นกัน โดยมีสถิติการสมัครรางวัลในปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ จํานวน ๓๗ หน่วยงาน ๑๘๑ ผลงาน และได้รับรางวัล จํานวน ๑๔ หน่วยงาน ๒๒ ผลงาน

ข้อมูลผลงานสําคัญของสํานักงาน ก.พ.ร.
ที่สามารถสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือการให้บริการประชาชน

๑. การพัฒนาบริการ e-Service ของรัฐเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน